12 พฤษภาคม 2021 // 15:43 น.

แชมป์ทุกปีมีเรื่องเล่า

โดยไม่ต้องเหนื่อยเตะกลางสัปดาห์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2020/21 เรียบร้อย ด้วยแรงส่งจากคู่อริมุมแดง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ส่งสำรองลงไปแพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ คาบ้าน 1-2 คืนวันอังคาร 11 พ.ค.

ระยะห่าง 10 แต้มกับเกมที่เหลือเพียง 3 นัดสุดท้าย จึงเป็นอัน GAME OVER แชมป์ได้ถูกตัดสินแล้ว ตกเป็นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และชาวคณะเรือใบสีฟ้า

นี่คือแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 5 และแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 7 ของพวกเขา

และเพราะ “แชมป์ทุกครั้งล้วนมีเรื่องเล่า” เราจึงอาสาพาทุกท่านขึ้นไทม์แมชีน ไปทวนความจำกันสักหน่อย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในแต่ละปี กับ 5 แชมป์พรีเมียร์ลีกของทัพเรือ ที่เกิดขึ้นในห้วง 10 ปีหลังนี่เท่านั้น

2011/12 ประตูนั้นของ เอล กุน
ภายใต้คำครหา “ใช้เงินซื้อแชมป์” แต่แล้วไงใครแคร์ เมื่อนี่คือตลาดเสรี แมนฯ ซิตี้ มีสิทธิ์ลงเงินเท่าไหร่ก็ได้เพื่อไปให้ถึงฝัน – หลังการเข้ามาของกลุ่มทุนตะวันออกกลางในปี 2008 ก็ไม่นานนักที่ แมนฯ ซิตี้ จะขึ้นถึงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก

เพียงแต่ก็ไม่ง่าย… การช่วงชิงแชมป์ต้องลุ้นกันจนถึงช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายของนัดท้ายสุด (38) ที่ดูเหมือนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเป็นแชมป์ซะอีกรอบ จากที่ แมนฯ ซิตี้ ตกเป็นฝ่ายตามหลัง ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส 1-2 จนครบ 90 นาที ไม่รวมทดเจ็บ

แต่ 90+2 เอดิน เชโก้ สังหาร 2-2
และ 90+4 เซร์คิโอ อเกวโร่ กระทุ้งเสียบตาข่าย 3-2

แมนฯ ซิตี้ ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก ด้วยแต้มที่เท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด 89:89 และเพียงประตูได้เสียเหนือกว่า 8 ลูก เท่านั้น!

2013/14 มหัศจรรย์แห่ง ยาย่า ตูเร่
ปีแรกในการเข้ามาทำทีมของขรัวเฒ่าชิลี มานูเอล เปเยกรินี่ ยังคงมี กุน อเกวโร่ กับ เอดิน เชโก้ ล่าตาข่ายให้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน หอกอาร์เจนไตน์กด 28 ประตูทุกรายการ ด้านดาวยิงบอสเนียก็จัดให้ 26 เม็ด

กระนั้น ดาวเด่นที่สุดของเรือใบชุดนั้นคือมิดฟิลด์ระดับ “จอมปีศาจ” อย่าง ยาย่า ตูเร่ ที่ครบเครื่องทั้งรับ-รุก / บู๊-บุ๋น / สมอง-กำลัง / ยิงใกล้-ยิงไกล

กองกลางไอวอรี่ โคสต์ ซัด 24 ประตูในทุกถ้วย เป็นในพรีเมียร์ลีก 20 ประตู จนสุดท้ายนอกจากแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัย 2 (เฉือน ลิเวอร์พูล 2 แต้ม) แล้ว ก็เบิ้ลแชมป์ คาราบาว คัพ ไปด้วย

2017/18 ม้วนเดียวจบ
ไม่อาจพูดได้ว่า “เป็นเรื่องง่าย” แต่ก็ต้องยอมยกให้ว่า แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาจริง ๆ ในปีนั้น จนนำขบวนตั้งแต่ต้นยันจบ ภายใต้การนำของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ที่เข้ามาคุมทีมเป็นปีที่ 2 แล้วเขย่านมกล่องสีฟ้าให้กลมกล่อมลงตัวได้พอดี

ครึ่งซีซั่นแรก ซิตี้ ไม่แพ้ใครเลย และหลุดเสมอแค่ 2 นัด ระหว่างนั้นคือการยิงยาวชนะรวด 18 เกม เป็นแบบนี้ก็ “ไร้คู่แข่ง” สุดท้ายจึงเป็นแชมป์สมัย 3 ด้วยการทำสถิติ 100 แต้ม และทิ้งห่างรองแชมป์ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 19 คะแนน

2018/19 ธรณีนี่นี้เรือครอง

  • ป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วยการเชือด ลิเวอร์พูล หวิว 1 แต้ม (98:97)
  • ป้องกันแชมป์ คาราบาว คัพ ด้วยการชนะจุดโทษ เชลซี 4-3 หลังเสมอ 0-0
  • ผงาดแชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยการถล่ม วัตฟอร์ด ครึ่งโหล 6-0 ในนัดชิง
  • กุน อเกวโร่ กด 32 ตุง, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 25, กาเบรียล เชซุส 21, เลรอย ซาเน่ 16, แบร์นาร์โด้ ซิลวา 13

2020/21 ความท้าทายครั้งใหญ่–บางคนกาชื่อทิ้งแล้ว
สำหรับซีซั่นล่าสุดนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังเริ่มต้นด้วยความเป็นหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ แต่หลายฝ่ายก็มองว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสสูงสุดในการจะป้องกันแชมป์ ยิ่งโดยเฉพาะ แมนฯ ซิตี้ ก็เริ่มได้ไม่สวยด้วย แผลของการเสีย 2 คีย์แมน แว็งซ็องต์ ก็องปานี กับ ดาบิด ซิลบา อำลากลับบ้านเกิด (รวมถึง นิโกลัส โอตาเมนดี้ ย้ายออก) แล้วเซนเตอร์แบ็กที่เหลืออยู่ดันล้มเจ็บกันเกือบหมด ส่งผลเห็นชัดจนเรือใบสีฟ้าชนะได้แค่ 4 นัดเท่านั้นจาก 9 เกมแรก

พ้น 9 เกมแรก แมนฯ ซิตี้ รั้งเพียงอันดับ 13 เสียประตูกระจายในทุกนัด ระหว่างนั้นมีเกมแพ้ เลสเตอร์ คาบ้าน 2-5 และออกไปแพ้ สเปอร์ส 0-2

ณ ตรงนั้น บางคนเริ่มกาชื่อ แมนฯ ซิตี้ ทิ้งจากสารบบลุ้นแชมป์แล้ว

อย่างไรก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดในตลาดหน้าหนาว ด้วยการเท 62 ล้านปอนด์ คว้า รูเบน ดิอาส เซนเตอร์โปรตุเกสจาก เบนฟิก้า เข้ามาอุดเกมรับ

ตัวเดียวจบครบทุกคำตอบ – 19 ธ.ค. ปีเก่า ลากยาวมาถึง 2 มี.ค. ปีใหม่ นับรวมเป็น 15 นัด 45 คะแนน นี่คือ “ระยะเข้าเบรค” ที่ แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าชนะติดต่อกันไม่มีหยุดพัก

ซิตี้ กลับมาตั้งลำจนแล่นฉิว บวกด้วยปัจจัยเสริมอย่าง ลิเวอร์พูล หลุดมาตรฐานอย่างน่าเกลียด, แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สม่ำเสมอเท่า, เชลซี ยังใหม่ไปที่จะช่วงชิงบัลลังก์ ที่สุดแล้วก็จึงจบเกม เป็นแชมป์สมัยที่ 5 ในปีที่ยากลำบากและท้าทายที่สุดครั้งหนึ่งของพวกเขาเอง

ไม่เท่านั้น ยังนับว่า แมนฯ ซิตี้ เป็น “ดับเบิ้ลแชมป์” ไปแล้วกับ คาราบาว คัพ ที่ชนะ สเปอร์ส 1-0 ที่เวมบลีย์ แถมก็ยังอยู่ในเส้นทาง “ทริปเปิ้ลแชมป์” ด้วยการรอชิงดำ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เชลซี 29 พ.ค. นี้

จากทีมที่มีปัญหาเห็นชัดในตอนต้นซีซั่น สู่ทีมที่กำลังลุ้นเช็คบิล 3 แชมป์

อ่านถึงบรรทัดนี้ ถ้ายังไม่ลุกขึ้นปรบมือให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า & ชาวคณะเรือใบ ก็ใจดำไปหน่อยแล้ว!

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง