24 กรกฎาคม 2021 // 15:21 น.

เจดอน ซานโช่ : “ผมพร้อมแล้วสำหรับความท้าทายใหม่”

จากเจ้าหนูโนเนมในแคมป์เด็กเรือใบสีฟ้า สู่การระเบิดฟอร์มเฉิดฉายสร้างชื่อคับเมืองเบียร์

จากที่ไม่มีใครรู้จัก เจดอน ซานโช่ กลายเป็นการค้นพบที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ – ผลงานยิง 50 ประตูจาก 137 นัด และ 2 โทรฟี่แชมป์ เป็นพยาน

ซึ่งเมื่อแรงดีไม่มีตกขนาดนั้น ตั๋วขากลับสู่แผ่นดินแม่ จึงถูกยัดใส่มือ

ค่าเสียหาย 73 ล้านปอนด์ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มจ่ายไป ไม่ต้องสงสัย มันมาพร้อมความคาดหวังในระดับสูงต่อตัวริมเส้นดีกรีทีมชาติอังกฤษ 22 นัด รายนี้

แต่ “ผมพร้อมแล้วสำหรับความท้าทายใหม่ และก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น” ซานโช่ เอ่ยด้วยความมั่นใจแรงกล้า ภายหลังเข้าชูเสื้อตราปีศาจหมายเลข 25 เรียบร้อยแล้ววานนี้…

.

Q : เจดอน ยินดีต้อนรับสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นนักเตะยูไนเต็ด?
JS : “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับผม การเติบโตขึ้นโดยที่ทุกคนก็รู้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และแน่นอนว่ากับทุกโทรฟี่แชมป์ที่สโมสรแห่งนี้ได้มา ทั้งยังมีนักเตะระดับไอคอนมากมายที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก่อนผม ดังนั้นผมจึงมีความสุขมาก ๆ ที่ได้สวมเสื้อตัวนี้”

.

Q : ช่วยบอกเราหน่อยในเรื่องไทม์ไลน์การย้ายทีมครั้งนี้จากมุมมองของคุณ คุณได้ยินว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และมีการยืนยันขั้นสุดท้ายตอนไหน?
JS : “บอกตามตรงเลย ตอนที่ผมอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ผมพยายามมุ่งมั่นกับการเล่นฟุตบอลของผม และไม่สนใจเรื่องอื่น ผมโฟกัสไปที่สิ่งที่ผมกับเพื่อนร่วมทีมต้องทำให้สำเร็จ แน่นอนว่าเมื่อผมเดินทางมาเล่นยูโร ทุกอย่างก็เริ่มใกล้เคียงมากยิ่งขึ้น ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มได้ยินว่า ยูไนเต็ด สนใจ และวันนี้ผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”

.

Q : แฟนบอลของเราดีใจมาก ๆ เพราะมีการพูดเกี่ยวกับคุณเยอะมากในโซเชียล คุณเป็นนักเตะอันดับต้น ๆ ที่อยู่ในลิสต์ที่แฟนบอลอยากได้ แล้วมันเป็นความรู้สึกอย่างไรที่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลมากขนาดนี้?
JS : “เป็นความรู้สึกที่ดีเยี่ยมที่สุด การที่แฟนบอลอยู่เคียงข้างผมเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อคุณย้ายมาอยู่กับสโมสรใหม่ เพราะคุณอยากได้ความรู้สึกผ่อนคลายในทันที และผมมั่นใจว่าแฟนบอลจะมอบความรู้สึกแบบนี้ให้กับผม”

.

Q : คุณเคยมีประสบการณ์ที่เมืองแมนเชสเตอร์มาก่อน มันจะช่วยให้คุณปรับตัวได้เร็วขึ้นไหม?
JS : “ใช่ แน่นอนที่สุด ผมรู้จักเมืองนี้เป็นอย่างดี”

.

Q : จากมุมมองส่วนตัว คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาเล่นในอังกฤษอีกครั้ง หลังจากย้ายออกไปนานถึง 4 ปี?
JS : “ยอดเยี่ยมมาก ๆ ครอบครัวของผมสามารถที่จะเดินทางมาดูผมเล่นได้เสมอ และมันคงยอดไปเลยที่ได้อยู่ใกล้ชิดพวกเขาอีกครั้ง”

.

Q : 14 สิงหาคม อาจเป็นวันแรกที่คุณได้ประเดิมสนามกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งการได้เล่นในพรีเมียร์ลีกคงเป็นสิ่งที่คุณต้องการ คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคุณได้ล่นจริง ๆ ?
JS : “ผมตื่นเต้นกับฤดูกาลใหม่ โดยเฉพาะกับเกมแรกที่ได้เล่นในบ้าน แต่การได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองก็เป็นวิธีเรียกความมั่นใจให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นมันคงจะเป็นเรื่องเยี่ยมไปเลย”

.

Q : ถ้าคุณได้เล่น คุณคงจะต้องปะทะกับ แคลวิน ฟิลลิปส์ เพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษ…
JS : “(ยิ้ม) ใช่เลย ผมบอกเขาว่าระวังให้ดี ซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้ว!”

.

Q : คุณประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีตลอด 4 ปีในเยอรมนี และมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับ ดอร์ทมุนด์ คุณคิดว่าบุนเดสลีกาช่วยให้คุณพัฒนาขึ้นมากแค่ไหน?
JS : “มันช่วยให้ผมเติบโตในฐานะนักเตะมากยิ่งขึ้น และผมได้ประสบการณ์ในการเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก รวมทั้งได้สัมผัสความรู้สึกในการเล่นเกมใหญ่ ผมรู้สึกว่าผมทำได้ดีในการเล่นเกมใหญ่ และตอนนี้ผมพร้อมสำหรับความท้าทายใหม่ และก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น”

.

Q : คุณอายุน้อยมากตอนที่ย้ายไปที่นั่น ถือว่ามันเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญมาก ๆ
JS : “ใช่เลย แต่มันก็ช่วยให้ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในฐานะนักฟุตบอล และคน ๆ หนึ่ง ผมสามารถพูดได้ว่าผมทำได้ถูกต้อง และอดีตเพื่อนร่วมทีมของผมก็ช่วยได้เยอะมากในการปรับตัวที่เยอรมนี และช่วยผมให้มีสมาธิกับการเล่นฟุตบอล”

.

Q : ชีวิตนอกสนามของคุณที่ดอร์ทมุนด์ เป็นอย่างไร?
JS : “มันดีมาก ๆ ผมมีเพื่อนเยอะมากที่ดอร์ทมุนด์ ดังนั้นเรามักจะออกไปเที่ยวกัน กินข้าวกัน และทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน”

.

Q : แปลกดีว่าอดีตเพื่อนร่วมทีมคุณอย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ กับ โจวานนี่ เรย์น่า ก็เกิดที่อังกฤษทั้งคู่ จากนั้นก็มี จู๊ด เบลลิงแฮม ย้ายไปสมทบอีก มันจึงดูเป็น อิงลิช คอนเน็กชั่น ดีทีเดียว
JS : “ใช่ ๆ ผมเป็นคนแรกที่นั่น แล้วคนอื่น ๆ ก็ตามมา มันทำให้ดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่แข็งแกร่งมากในเรื่องดาวรุ่ง และผมกำลังจับตามองว่าพวกเขาจะเติบโตไปทางไหนกันบ้างในอนาคต”

.

Q : คุณยังมีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับนักเตะบางคนในทีมของเรา โดยเฉพาะ มาร์คัส แรชฟอร์ด ช่วยบอกเราถึงเรื่องระหว่างเขากับคุณหน่อย
JS : “ผมได้พบกับ มาร์คัส ครั้งแรกตอนที่ผมถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก ส่วนเขารู้สึกว่าจะเข้ามาในแคมป์เป็นครั้งที่สอง ตอนที่เราลงเล่นกับ สาธารณรัฐเช็ก ผมคิดว่าเขากับ เจสซี่ ลินการ์ด อยู่ในทีมชุดนั้น เขากับ เจสซี่ สนิทกัน และผมก็เริ่มพูดคุยกับพวกเขา เราเริ่มออกไปเที่ยวด้วยกัน และเราก็สนิทสนมกันมานับตั้งแต่ตอนนั้น”

.

Q : คุณยังมีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับ ลุค ชอว์ ด้วย
JS : “ใช่ นี่คือทัวร์นาเมนต์แรก (ยูโร) ที่ผมได้พบกับ ลุค เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อยู่ในทีม แต่ ลุค เป็นคนไนซ์มาก และเป็นหนึ่งในคนที่ผมจะปรึกษาหารือในห้องแต่งตัว”

.

Q : คุณได้ใช้เวลาช่วงซัมเมอร์อยู่กับ ลุค, มาร์คัส และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มาแล้ว มันจะช่วยให้คุณปรับตัวได้เร็วขึ้นไหม?
JS : “ผมก็หวังอย่างนั้น และก็คิดว่ามันคงจะช่วยได้ เราคุยกันหลาย ๆ เรื่องในแคมป์ และผมมั่นใจว่าพวกเขาจะช่วยให้ผมปรับตัวได้ ผมสามารถเข้าหาพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ผมต้องการ และพวกเขาก็จะช่วยผมทันที”

.

Q : คุณมีโอกาสได้ดูผลงานของ ยูไนเต็ด มากแค่ไหนในช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมา?
JS : “ปกติแล้วผมมักจะดูรายการ แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์ ซึ่งเป็นไฮไลท์เกมพรีเมียร์ลีกทุกคู่ และก็ได้เห็นตลอดว่าพวกเขาทำผลงานออกมาเป็นอย่างไร”

.

Q : นี่เป็นทีมคนหนุ่ม ซึ่งตอนนี้คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้ว เรื่องนี้นับเป็นหนึ่งในแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้คุณตกลงย้ายมาที่นี่ไหม ในแง่ของการได้เล่นร่วมกับนักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์ที่เรามีอยู่ที่นี่?
JS : “แน่นอนที่สุด นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงย้ายมาที่แมนเชสเตอร์ เพราะผมจะได้เห็นพัฒนาการที่มีอย่างต่อเนื่องที่นี่ และผมอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการได้อยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่และเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ มันเหมือนฝันที่เป็นจริง ผมมั่นใจว่าครอบครัวของผมจะต้องภูมิใจกับก้าวย่างสำคัญของผม”

.

Q : มีนักเตะชั้นนำที่คุณจะได้ลงฝึกซ้อมและได้เรียนรู้จากพวกเขา เช่น ปอล ป๊อกบา, บรูโน่ แฟร์นันเดส และ เอดินสัน คาวานี่ คุณตั้งตารอที่จะได้เรียนรู้จากพวกเขาไหม?
JS : “แน่นอนที่ พวกเขามีประสบการณ์ในการเล่นนัดชิงชนะเลิศและเกมใหญ่ ๆ เยอะมาก ดังนั้นการได้เรียนรู้จากพวกเขาจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ และการได้เล่นร่วมกับพวกเขาก็คงจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป”

.

Q : ในแง่ของพัฒนาการการเป็นนักเตะ คุณเริ่มเรียนรู้การเล่นฟุตบอลครั้งแรกเมื่อไหร่?
JS : “บอกตามตรง ตอนที่ผมยังเด็กมาก ๆ ที่บ้านในแถบเซาธ์ลอนดอน ผมมักจะดูพวกเด็กรุ่นพี่แถว ๆ นั้นเล่นฟุตบอลกัน จากนั้นผมก็เข้าไปร่วมเล่นกับพวกเขา และเริ่มที่จะตกหลุมรักมัน นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็มีแต่ฟุตบอล ตอนไปโรงเรียนก็เล่นฟุตบอล หลังเลิกเรียนก็เล่นฟุตบอล ซึ่งมันก็ค่อย ๆ จริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ”

.

Q : คุณมักลงเล่นในสวนหรือบนท้องถนน?
JS : “ที่จริงมันคือฟุตบอลในกรง (cage football) มากกว่า ซึ่งเมื่อผมได้เห็นโฆษณาที่ โรนัลดินโญ่ แตะลูกลอดขาคู่แข่ง ผมก็พยายามลองทำเหมือนเขา”

.
Q : นักเตะคนไหนที่มีอิทธิพลกับคุณในช่วงแรก และใครที่เป็นไอดอลของคุณ?
JS : “โรนัลดินโญ่ กับ เวย์น รูนี่ย์ ทั้งสองคนเป็นนักเตะระดับไอคอน และเป็นต้นแบบที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ”

.

Q : นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด คนไหนที่คุณคิดว่ามีความพิเศษและเป็นต้นแบบการเล่นของคุณ?
JS : “ผมรู้สึกว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน และตัวผมเองก็มีความแตกต่างไปจากนักเตะคนอื่น ๆ แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำในเส้นทางอาชีพของเขามันมหัศจรรย์ที่สุด ตั้งแต่ที่เขาเริ่มต้นกับ สปอร์ติ้้ง และจากนั้นก็ย้ายมาที่แมนเชสเตอร์ มันเป็นเรื่องดีเสมอที่ได้เห็นนักเตะไอคอนเหล่านี้ผ่านการเล่นให้กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้”

.

Q : ถ้ามีแฟนบอลยูไนเต็ดคนไหนไม่เคยเห็นคุณเล่นมาก่อน คุณจะอธิบายตัวเองว่าอย่างไร?
JS : “กระหายในชัยชนะ และมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์ ยิงประตู แอสซิสต์ และการแสดงทักษะ คือตัวผม” (ยิ้ม)

.
Q : อะไรที่ทำให้คุณตื่นเต้นที่สุด ยิงประตูหรือแอสซิสต์?
JS : “ทั้งสองอย่างก็ล้วนแต่สำคัญ เพราะถ้าคุณไม่แอสซิสต์ ประตูจะมาจากไหนได้ เมื่อคุณทำแอสซิสต์ได้มันก็เหมือนคุณมีส่วนยิงประตูนั้นด้วย และเมื่อคุณยิงประตูได้ก็จะมีคนที่ทำแอสซิสต์ให้คุณเสมอ ดังนั้นมันจึงสำคัญทั้งคู่”

.

Q : คุณรู้สึกอย่างไรกับประสบการณ์ที่ได้รับในยูโร 2020 กับการได้เป็นส่วนหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้?
JS : “แน่นอนว่ามันน่าสนใจมาก ผมไม่ค่อยได้เล่นมากอย่างที่ผมต้องการ แต่แน่นอนว่ามันรู้สึกดีเยี่ยมที่ได้เล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ซึ่งมีความสำคัญกับผมมาก ๆ โดยเฉพาะการได้อยู่กับกลุ่มนักเตะชั้นยอด แน่นอนว่าผมได้อะไรมากมายจากทัวร์นาเมนต์นี้”

.

Q : ครอบครัวของคุณภูมิใจมากแค่ไหนกับการได้ย้ายมาเล่นให้ยูไนเต็ด?
JS : “พวกเขามีความสุขมาก ๆ แม้แต่ตอนที่ผมย้ายไป ดอร์ทมุนด์ พวกเขาก็มีความสุขกับผม และมักจะพูดว่าต้องพยายามทำงานหนักต่อไป แล้วจะมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายเข้ามาหาผม นั่นคือสิ่งที่ผมทำมาตลอด”

.

Q : ครอบครัวของคุณคือแรงกระตุ้นพิเศษที่คุณจะพยายามตอบแทนพวกเขาหรือเปล่า?
JS : “แน่นอนที่สุด พวกเขาคือหนึ่งในเหตุผลหลักของการเล่นฟุตบอลของผม เพราะผมโตมาด้วยชีวิตที่ไม่ได้สุขสบาย ดังนั้นผมจึงจะทำทุกอย่างเพื่อพวกเขาเสมอ”

.

Q : ใครคือคนแรกที่คุณจะคุยหลังจากจบเกม?
JS : “แล้วแต่นะ ถ้าผมมีเกมที่ไม่ค่อยดี ผมก็มักจะเก็บมันไว้ ไม่ได้คุยอะไรกับใครนัก ส่วนถ้าผมมีเกมที่ดี ก็อาจจะคุยกับเพื่อนบางคน”

.

Q : ถ้าจะให้คุณอธิบายความเป็นตัวคุณเอง…
JS : “ส่วนใหญ่แล้วผมมักซีเรียสในสนาม แต่นอกนั้นก็สบาย ๆ ตลกบ้างบางเวลา แต่แน่นอนว่าเมื่อลงไปในสนามแล้ว มันคือช่วงเวลาที่ต้องจริงจัง”

.

Q : ช่วยบอกเราเรื่องรอยสักของคุณหน่อยได้ไหม?
JS : “นี่ (บทกวีบริเวณต้นแขน) เป็นรอยสักแรกของผม และก็สำคัญที่สุดกับผมด้วย ผมสักมันเพื่อยกให้กับน้องชายคนเล็กที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กมาก ตอนผมเข้าเรียนระดับประถม ผมได้แต่งกลอนเพื่ออ่านในพิธีศพของเขา มันจึงเป็นรอยสักที่มีความหมายที่สุดของผม ส่วนนอกนั้นก็มีทั้งรูปนก, สวรรค์, นางฟ้า, ผีเสื้อ, ชื่อพี่สาวกับพี่ชายของผม รวมทั้งรอยสักแบบฟรีสไตล์ เพราะผมชอบการ์ตูนตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ยังมีบางอันที่ยังไม่เสร็จ พวกสไปเดอร์แมน, โซนิค, ซิมป์สัน…. และก็คิดว่าคงจะมีอีกหลายรอยสักตามมา”

.

Q : ช่วยบอกเราหน่อยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะเซอร์ไพรส์เรา?
JS : “ผมมีพรสวรรค์ที่เป็นความลับเยอะมาก แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรจะบอกดีรึเปล่า! (ยิ้ม) คุณคงจะต้องรอดูกันเอง!”

.

Q : ท้ายสุด คุณมีข้อความอะไรที่จะบอกกับแฟนยูไนเต็ด ซึ่งกำลังรอชมการโชว์ลีลาของคุณอยู่บ้างไหม?
JS : “ผมแทบจะรอการเริ่มต้นไม่ไหวแล้ว แน่นอนว่าผมอยากนำโทรฟี่แชมป์มามอบให้พวกเขา ผมแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ แล้วพบกัน”