โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรบาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่ของสเปน ยอมรับว่า สถานการณ์ทางการเงินของสโมสรในตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต หลังหนี้พุ่งถึง 1,350 ล้านยูโรแล้ว
ลาปอร์ต้า เข้ามารับตำแหน่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจาก โจเซป บาร์โตเมว ประธานคนก่อน ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่ง และเขาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นตัวเลขค่าเหนื่อยของนักเตะในทีมที่คิดเป็น 103% ของรายรับทั้งหมดของสโมสร
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ บาร์ซ่า ต้องยอมปล่อยตัว ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรออกจากทีม ซึ่งตอนนี้ลาปอร์ต้ากำลังพยายามเอาผิดกับบาร์โตเมว
“จนถึงตอนนี้ บาร์ซามีหนี้ทั้งหมด 1,350 ล้านยูโร, ค่าเหนื่อยนักเตะของเราคิดเป็น 103% ของรายรับทั้งหมดของสโมสร เราจ่ายเงินส่วนนี้มากกว่าสโมสรคู่แข่งในลีก 20-25%”
“สิ่งแรกที่เราทำหลังจากเข้ามารับตำแหน่งคือกู้เงิน 80 ล้านยูโร ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น เราจะไม่มีเงินจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะ คำพูดของบอร์ดบริหารชุดก่อนเต็มไปด้วยคำโกหก”
“เราพบว่าเราต้องรีบปรับปรุงสนามโดยด่วน ไม่อย่างนั้นมันเสี่ยงที่จะเปิดรับแฟนบอลเข้ามา เรายังพบว่าเรารับค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดล่วงหน้ามาแล้ว 50%”
“เราพบว่านโยบายค่าเหนื่อยมันย้อนแย้งกับรูปแบบที่ควรจะเป็น นักเตะอาวุโสกลับได้รับสัญญาระยะยาว ขณะที่นักเตะดาวรุ่งได้รับสัญญาระยะสั้น ไม่เคยมีการปรับลดค่าเหนื่อยเกิดขึ้น”
“เรายังพบอีกว่ามีการจ่ายเงินแพงเกินจริงให้กับคนกลางในด้านต่าง ๆ บาร์ซ่ามีผลประกอบการติดลบ 451 ล้านยูโร มันเป็นมรดกตกทอดที่เลวร้ายมาก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่ากังวลจริง ๆ”
“จดหมายของบาร์โตเมวพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของการบริหาร ทั้งที่มันเต็มไปด้วยความไม่บริสุทธิ์ นี่คือการกระทำที่สิ้นหวัง”
“พวกเขาต้องรับผิดชอบในทุกเรื่องจนถึงวันที่ 7 มีนาคม พวกเขาจะไม่มีทางหนีการกระทำของตัวเองพ้น” ลาปอร์ต้า ร่ายย่าว