31 พฤษภาคม 2021 // 16:44 น.

เพียงไม่กี่เดือน

จากม้านอกสายตา รั้งเต็ง 4 ในรอบ 4 ทีม แต่สุดท้าย เชลซี สามารถหักปากกาเซียนก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ยุโรปมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ทั้งที่ย้อนกลับไปในช่วงต้นฤดูกาล หากมีใครบอกว่า เชลซี จะจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 2 มาครองได้ในปีนี้ คงโดนด่าว่าไม่บ้าก็เพี้ยนเป็นแน่

ช่วงครึ่งซีซั่นแรก เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สิงห์บลูเป็นทีมที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ พวกเขาเริ่มต้นฤดูกาลได้สวย 11 เกมแรกหลังจบเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-1 เชลซีรั้งอันดับ 3 ของตาราง มีแต้มตามหลังทีมจ่าฝูงอยู่ 2 คะแนน แต่หลังจากนั้นก็ช็อตไปดื้อ ๆ 8 เกมต่อจากนั้นชนะได้เพียงแค่ 2 นัด เสมอ 1 และแพ้ไปถึง 5 อันดับรูดลงไปอยู่ถึงอันดับ 9 ตามจ่าฝูง 11 คะแนน

นอกจากผลการแข่งขันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ทรงบอลและทิศทางของเชลซีในตอนนั้นก็ดูสะเปะสะปะ แม้กระทั่ง 11 ผู้เล่นตัวจริง แลมพาร์ดยังไม่มีในใจ อีกทั้ง เชลซี ซึ่งเป็นทีมที่ใช้เงินในตลาดซัมเมอร์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ประมาน 200 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวผู้เล่นระดับท็อปอย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์, ติโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, ฮาคิม ซีเย็ค และ เอดูอาร์ เมนดี้ รวมไปถึงเซ็นฟรีกองหลังประสบการณ์สูงอย่าง ติอาโก้ ซิลวา เข้าทีม แต่ไม่อาจเค้นศักยภาพของนักเตะเหล่านั้นออกมาได้เลย

แม้จะเป็นตำนานของทีม แต่ โรมัน อบราโมวิช ก็มิอาจทนรอต่อไปได้ นั่นทำให้ เชลซี ตัดสินใจปลด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ในที่สุด และตัดสินใจแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เข้ามาทำหน้าที่แทน และก้าวแรกสู่ความสำเร็จของ เชลซี ในฤดูกาล 2020/21 ก็เริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้

สิ่งแรกที่ ทูเคิ่ล ทำก่อนเป็นอันดับแรกเลยคือ เปลี่ยนระบบการเล่นจาก 4-3-3 มาเป็น 3-4-3 แบ็กขวาในเมื่อเลือกไม่ถูกระหว่าง รีซ เจมส์ หรือ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า งั้นก็ให้ลงมันทั้งสองคนไปเลย ในเมื่อ อัซปิลิกวยต้า สามารถลงไปเล่นเซนเตอร์แบ็กในระบบหลังสามได้

นักเตะหลาย ๆ คนที่ถูกลืม ทูเคิ่ลก็กลับมาให้โอกาสอีกครั้ง อย่างเช่น มาร์กอส อลอนโซ่, จอร์จินโญ่ หรือ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ นักเตะอย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ติโม แวร์เนอร์ ที่ผลงานไม่เป็นโล้เป็นพายในตอนแรก ก็เริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นในระยะหลัง

แวร์เนอร์ แม้จะไม่สามารถผลิตสกอร์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำแบบที่แฟน ๆ คาดหวังเอาไว้ แต่ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในเกมรุกของเชลซี ความเร็ว, ความขยัน และการวิ่งทำทางหาช่องของเขา สร้างประโยชน์ให้เชลซีได้มากมาย

เมสัน เมาน์ท เป็นอีก 1 คนที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของเชลซีในปีนี้ จากเด็กที่ถูกค่อนขอดว่าเป็น “ลูกรัก” ของแลมพาร์ด ในฤดูกาลนี้ เมาน์ท พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาและลบคำสบประมาทได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรุกที่ดีที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก เป็นตัวที่เชลซีจะขาดไปไม่ได้เลย หลักฐานคือ เมื่อดูจากสถิติจะพบว่า การสร้างสรรค์โอกาส, การเรียกฟาวล์ และการเลี้ยงหลบคู่แข่ง สิ่งเหล่านี้ เจ้าหนูเมาน์ทครองอันดับ 1 ในทีมทั้งหมด

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณให้มากความกันอีกแล้วสำหรับมิดฟิลด์ 8 ปอดรายนี้ ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จนถึงนัดชิงชนะเลิศ รวมทั้งสิ้น 7 นัด ก็องเต้ คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ไปได้ถึง 4 เกม ในศึกพรีเมียร์ลีกช่วง 9 เกมสุดท้ายของเชลซี พวกเขาชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 3 ก็องเต้พลาดการลงสนามไป 4 เกม ซึ่งลงเอยด้วยการเสมอ 1 และแพ้ 3 ของเชลซีนั่นเอง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาที่มีต่อทีม โดยเริ่มมีคนพูดถึง ก็องเต้ กับรางวัล “บัลลง ดอร์” กันแล้ว

นอกจากนักเตะที่กล่าวไปข้างต้น ผู้เล่นคนอื่น ๆ ของเชลซี ก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น เอดูอาร์ เมนดี้, ติอาโก้ ซิลวา, เบน ชิลเวลล์ หรือ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นต้น ทุกองค์ประกอบของเชลซีมีความสำคัญไม่แพ้กันกับการประสบความสำเร็จของเชลซี

การคัมแบ็กจากอันดับ 9 สู่การติดท็อปโฟร์, การเข้าชิงเอฟเอ คัพ และการหักด่านอรหันต์ทั้ง แอตเลติโก มาดริด, ปอร์โต้, เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปคว้าแชมป์ยุโรปแม้จะเปลี่ยนกุนซือกลางฤดูกาล จึงถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ โธมัส ทูเคิ่ล และลูกทีม

น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งในฤดูกาลหน้า เมื่อ ทูเคิ่ล ได้ลงตลาดนักเตะ ได้เสริมเติมแต่งด้วยตัวเอง เขาจะเสกให้ เชลซี ยอดเยี่ยมได้ถึงขนาดไหน

แค่คิดก็มันส์แล้วล่ะครับสำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า เพราะการลุ้นแชมป์คงจะไม่ได้มีม้าแค่ 1-2 ตัวแบบที่เคยเป็นมาในหลายปีหลังแน่ ๆ

กัปตันแจ๊คซ์