15 พฤษภาคม 2021 // 17:29 น.

คดีพลิก!

หลังประสบกับช่วงเวลาอันย่ำแย่มาแทบจะตลอดทั้งฤดูกาล แต่โชคชะตากลับยังเข้าข้างลิเวอร์พูลให้ยังมีลุ้นกับการไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่นะครับ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเหมือนจะเป็นเรื่องยากเอามาก ๆ แล้ว

จากการที่ อาร์เซน่อล บุกไปอัดเชลซีได้ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้สถานการณ์พลิกผัน ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับมากุมชะตาของตัวเองไว้ในมือได้อีกครั้ง โดยข้อแม้คือต้องชนะทั้ง 4 นัดที่เหลืออยู่ให้ได้ เพราะ เชลซี กับ เลสเตอร์ มีคิวต้องตัดแต้มกันเองพุธหน้า (ต่อเนื่องจากนัดชิงเอฟเอของคู่นี้) และด่านแรกจาก 4 นัดที่เหลือของ ลิเวอร์พูล ก็เจอเกมสุดหินเลย นั่นคือการบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เกมนี้มีค่ามากกว่า ศึกแดงเดือดทั่วไปครั้งก่อน ๆ เพราะมันอาจกำหนดทิศทางของลิเวอร์พูลในฤดูกาลหน้าได้เลย สำหรับแฟนบอลบางท่านแล้ว พวกเขาอยากได้ 3 คะแนนล้ำค่านี้เพื่อความหวังในการไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าเพื่อไว้ถ่มถุย แฟนบอลคู่อริเป็นสำคัญเหมือนศึกครั้งก่อน ๆ

สิ่งที่ผมอยากรู้มาก ๆ ก่อนเกมจะเริ่มคือ ลิเวอร์พูล จะตอบรับโอกาสที่กลับมาอยู่ในมือได้ดีแค่ไหน พวกเขาจะแสดงให้เห็นได้หรือไม่ว่าคู่ควรกับการไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะเมื่อมองจากการที่ฟอร์มอันย่ำแย่มาตลอดทั้งปี แต่ฟ้ายังเป็นใจส่งบททดสอบครั้งสุดท้ายอย่างการเจอ แมนฯ ยูไนเต็ด มาให้ หากยังคว้ามันไว้ไม่ได้อีก ก็ต้องบอกว่าพวกเขา “ไม่คู่ควร” ครับ

แม้จะคิดแบบนั้นก็เถอะ แต่การบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยง่ายครับ ครั้งสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลทำได้ต้องย้อนไปไกลถึง 7 ปีที่แล้ว ในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ลิเวอร์พุลบุกชนะได้ 3-0 จากสองจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ 1 ประตูของ หลุยส์ ซัวเรซ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ปีนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด พัฒนาขึ้นมากลายเป็นทีมที่น่ากลัวอย่างมาก

แต่ 90 นาที ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตอบทุกอย่างได้แบบหมดสิ้น “ปีศาจเพรสซิ่ง” กลับมาสิงร่างพวกเขาอีกครั้ง แม้จะโดนออกนำไปก่อน แต่ต่อเมื่อตั้งสติได้ เกมเป็นของพวกเขาทั้งหมดหลังจากนั้น และยิงแซง 2-1 ได้ก่อนจบครึ่งแรก

เริ่มต้นครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล งัดท่าไม้ตายก้นหีบอย่างการเพรสซิ่งออกมาใช้อีกครั้ง เล่นเอาลูกทีมน้าโอเล่หลังพิงเชือกตลอด 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง โดยบวกเพิ่มได้อีก 1 ประตู และจวนจะได้เม็ด 4 อยู่หลายรอบเพียงแต่ยังไม่เฉียบคมพอ ร้อนถึง โซลชา ที่ต้องแก้แกมโดยเปลี่ยนเอา เมสัน กรีนวู้ด ลงมาแทน เฟร็ด ที่ตกเป็นเป้าโจมตีจากกองทัพเพรสซิ่ง ของลิเวอร์พูล โดยขยับเอา ป๊อกบา ลงมาช่วยต่อบอลในแดนกลางแทนร่วมกับ แม็คโทมิเนย์

ตรงจุดนี้ถือว่าโซลชาแก้ปัญหาได้ตรงจุดนะครับและมันนำพามาซึ่งประตูตีตื้นจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำเอาเด็กหงส์เริ่มออกอาการหายใจไม่ทั่วท้องและประสาทจะแดก เพราะกลัวฝันร้ายที่เจอมาตลอดหลาย ๆ นัดในปีนี้ กับการปิดเกมไม่ได้และชวด 3 คะแนน จะตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง

แม้จะมีความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง แต่จนแล้วจนรอด ลิเวอร์พูลยังนิ่งพอที่จะไม่โดนตีเสมอและได้ลูกฝัง 4-2 ปิดท้ายจาก โม ซาลาห์ โดยหลังจากยิงได้ บังโม แหกปากตะโกนด้วยความสะใจและล้มลงไปนอน เหมือนได้ปลดปล่อยและยกภูเขาออกจากอก แสดงให้เห็นว่าเขากดดันมากแค่ไหน

เกมนี้นักเตะหลาย ๆ คนกลับมาทำผลงานยอดเยี่ยมได้ทันเวลาเกือบจะทุกตำแหน่ง คู่เซนเตอร์ แม้ แน็ท ฟิลลิปส์ จะทำพลาดกับการสกัดผิดเหลี่ยมให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ แต่ก็แก้ตัวได้จากการทำแอสซิสต์ให้ โชต้า ตีเสมอ และยังมีสกัดลูกยิงของ กรีนวู้ด จากเส้น ป้องกันให้ทีมไม่โดนตีเสมอได้ แถมยังเก็บ เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าฟอร์มร้อนเข้ากระเป๋าได้ประมานหนึ่ง รีส วิลเลี่ยมส์ ก็ทำหน้าที่ตัวเองได้อยู่ในระดับดี

คู่ฟูลแบ็กสองฝั่ง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟอร์มเก่า ๆ ของเขาเริ่มกลับมา การวิ่งห้อเป็นม้าของแบ็คสกอตติชสร้างประโยชน์ให้ทีมได้หลายต่อหลายครั้ง และโดยเฉพาะ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ สำหรับผมในเกมวันนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ การออกบอลของเขากลับมาเฉียบคมอีกครั้ง ปั่นป่วนแนวรับของยูไนเต็ดได้ตลอดทั้งเกม

สามมิดฟิลด์ ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม และ ติอาโก้ คุมแดนกลางได้อยู่หมัด ส่วนแนวรุกสามประสานก็ประสานงานกันได้ไหลลื่น ตัดสินใจยอดเยี่ยมกันทั้งหมดในหลาย ๆ จังหวะ โชต้าทำประตูตีเสมอให้ทีม ฟีร์มิโน่ กว่าสามเดือนครึ่งที่เขาเท้าบอด มาในวันนี้ เขาซัดสองประตูมันซะเลย กับประตูแซงนำก่อนจบครึ่งแรกและประตูหนีห่างต้นครึ่งหลัง ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญเอามาก ๆ โม ซาล่าห์ วันนี้เล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง ไม่มีหวงบอล อันตรายเสมอเมื่อมีบอลอยู่กับเท้า และเหมาะสมแล้วที่จะมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ด

อาจจะพูดได้ว่าเกมนี้คือเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุด และทำให้แฟนบอลมีความสุขที่สุดในฤดูกาลนี้ แต่สิ่งที่สำคัญคือพวกเขาต้องรักษาความรู้สึกและฟอร์มยอดเยี่ยมแบบนี้เอาไว้ให้ได้ โดย 3 เกมสุดท้ายของลิเวอร์พูล คือ
16 พฤษภาคม (เยือน) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
20 พฤษภาคม (เยือน) เบิร์นลี่ย์
23 พฤษภาคม (เหย้า) คริสตัล พาเลซ

ไม่มีเกมยากเหลืออยู่แล้ว ลิเวอร์พูลไม่ได้รับอนุญาตให้พลาดด้วยประการทั้งปวง ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เมื่อสุดท้ายแล้วทีมไม่อาจไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้

ความเจ็บช้ำตลอดฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลต้องพบเจอ การบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลัก, การหลุดจากเส้นทางลุ้นแชมป์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว, แพ้คาบ้านถึง 6 นัดติด, นักเตะฟอร์มตกยกทีม มันส่งผลให้แม้กระทั่งโควตาบอลยุโรปก็ส่อแววจะชวด หากท้ายที่สุด ลิเวอร์พูลยังสามารถคว้าตัวไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก พ่วงด้วยการบุกอัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันจะเป็นรางวัลปลอบใจที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วล่ะครับ และมันก็จะทำให้ฤดูกาลนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก จริงไหม?

กัปตันแจ๊คซ์