17 กรกฎาคม 2021 // 22:48 น.

‘สิงห์บลู’ กับภารกิจทวงความยิ่งใหญ่

จบไปแล้วกับศึกใหญ่ระดับทวีป ทั้งฝั่งยุโรปและอเมริกาใต้ 2 ทวีปที่อุดมไปด้วยชาติมหาอำนาจลูกหนังของโลกใบนี้ ในรายการยูโร2020 กับ โคปา อเมริกา 2021 และอย่างที่ทราบกัน ต้องขอแสดงความชื่นชมและยินดีเป็นอย่างยิ่งกับทั้ง ทีมชาติอิตาลี และทีมชาติเมสซี่ เอ้ย..ทีมชาติอาร์เจนติน่า ด้วยนะครับ ที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้ชนิดที่ว่าต้องปรบมือให้รัว ๆ กับความสำเร็จนั้น

.

ส่วนการอกหักในเกมนัดชิงชนะเลิศแม้จะได้ลงเล่นในสนามที่คุ้นเคยที่สุด ทั้งยังเต็มไปด้วยแฟนบอลนับหมื่น ๆ คน จนแล้วจนรอด อังกฤษ ขวัญใจกองเชียร์มหาชนบ้านเรา ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นไปยืนหนึ่งบนแผ่นดินยุโรปได้สักครั้ง…ย้ำ…สักครั้ง และคงต้องร้องเพลงรอกันต่อไป เฉกเช่นใครบ้างคนที่ไม่ยอมเดินจากไปเสียทีแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานนับ 7 ปีแล้วก็ตาม!!!

.

ในขณะที่ศึกใหญ่ปิดฉากลงไปแล้ว แม้จะยังมีฟุตบอลรายการระดับทวีปกำลังแข่งขันอยู่ อย่าง คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ 2021 ระหว่างนี้นักเตะบางคนยังขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัว แต่ก็มีอีกหลายคนที่เริ่มเข้าแคมป์เก็บตัวกับสโมสรต้นสังกัดกันแล้ว ด้วยโปรแกรมที่รออยู่ข้างหน้าในระดับสโมสร มีหลายสโมสรต้องลงเล่นในโปรแกรมรอบคัดเลือกถ้วยยุโรป ทั้ง แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรป้า ลีก และ ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก โดยเฉพาะบรรดาทีมเล็ก แต่เป็นที่รู้จักกันดีของแฟนบอลเฉพาะกิจบ้านเรา เช่น ดินาโม ซาเกร็บ, สโลวาน บราติสลาว่า และอื่น ๆ

.

ในขณะที่บรรดาทีมใหญ่ เริ่มมีการยืดเส้นยืดสายกับโปรแกรมอุ่นเครื่องให้เห็น เช่น โรม่า ที่โชว์โหดเปิดตัวกุนซือใหม่ โซเซ่ มูรินโญ่ ด้วยการถล่มทีม มอนเตคานี่ (ทีมอะไรหว่า?) ไปแบบไม่ไว้หน้า 10-0 นับเป็นการเปิดตัวอย่างสวยงาม อาร์เซน่อล เองก็ลงอุ่นเครื่องไปแล้วเช่นกัน โดย แพ้ให้กับ ฮิเบอร์เนี่ยน จากสกอตแลนด์ 2-1ในสภาพที่ วิลเลี่ยน พุงพลุ้ยเลยทีเดียว

.

แต่ที่น่าจับตามองในช่วงนี้ นอกจากโปรแกรมเตะของแต่ละทีมแล้ว การซื้อขายนักเตะก็เป็นอะไรที่ต้องติดตามอย่างยิ่ง ซึ่งเอาเข้าจริงก็ยังพอมีเวลาอีกนานโข เมื่อตลาดนักเตะจะปิดตัวลงในค่ำคืนที่ 2 ของเดือนกันยานู้นเลย ซึ่งในขณะนี้ก็พอจะมีดีลใหญ่ ๆ ให้เห็นกันบ้างแล้ว แต่ที่อยากจะโฟกัสคือ ฟุตบอลลีก ที่บ้านเราให้ความสนใจเป็นที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีก โดยผมขอโฟกัสไปที่ทีมแชมป์ยุโรปล่าสุดอย่าง สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี

.

แน่นอน เป้าหมายหลักของ เชลซี ไม่ใช่แค่การกลับมาทวงความยิ่งใหญ่บนแผ่นดินอังกฤษ หรือการป้องกันแชมป์ถ้วยยุโรป เพียงอย่างใดอย่างนึง แต่หากเป็นการ ไล่ล่าความสำเร็จจากทุกรายการ ต่างหาก ฉะนั้นแล้วมีหรือที่เสี่ยหมีจะไม่ยอมทุ่มเงินมหาศาล ให้ โธมัส ทูเคิ่ล ไว้ใช้จับจ่ายนักเตะเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทีมให้ยิ่งขึ้นไปอีก

.

เมื่อมองจากขุมกำลังชุดคว้าแชมป์ยุโรปแล้ว ยังมีจุดที่ ทูเคิ่ล จะต้องแก้ไขอยู่พอสมควร ถ้าจะลุ้นแชมป์ระยะยาวกันแบบทุกรายการ เมื่อมองจากภาพรวมในแต่ละตำแหน่ง – ตำแหน่งผู้รักษาประตู ถือเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างไว้ใจได้ เอดูอาร์ เมนดี้ เข้ามาอุดช่องโหว่ได้ทันเวลาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นายด่านทีมชาติเซเนกัล สามารถเก็บได้ 16 คลีนชีตจาก 31 เกม (ขณะที่ในรายการแชมเปี้ยนส์ ลีก เจ้าตัวสร้างประวัติศาสตร์ให้ตนเองด้วยการคว้าแชมป์และเก็บได้ 9 คลีนชีต เป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่า ซานติอาโก้ กานยิซาเรส และ เคย์เลอร์ นาวาส) โดยมีมือ 2 ที่เป็นเบอร์หนึ่งของโลกในเรื่องค่าตัวอย่าง เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า แม้ เกป้า จะฟอร์มหล่นไปมากถ้าเทียบกับค่าตัว แต่อย่างไรก็ดี เขายังพอมีโอกาสเบียดตัวจริงภายในทีมอยู่ หากเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ และถ้าทีมไม่หาใครมาแทนที่เขาซะก่อน ส่วนเบอร์ 3 ของทีมเวลานี้ คือ เจ้าหนู เจมี่ คัมมิ่ง ในวัย 21 ปี คัมมิ่ง ถูกส่งไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ สตีฟเนจ ทีมในลีกทู เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่กับฤดูกาลที่จะมาถึง ถ้าทีมไม่ได้ใครมาเสริมในตำแหน่งนี้ เขาจะเป็นมือ 3 ให้ทีมชุดใหญ่

.

ตำแหน่งกองหลัง โดยเฉพาะ เซนเตอร์แบ็ก ถือเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ โธมัส ทูเคิ่ล จำเป็นต้องเสริมทีมเพื่อแก้ปัญหาโดยด่วน แม้ อันโตนิโอ รูดิเกอร์, ติอาโก้ ซิลวา, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า จะยืนหลัง 3 ได้ดีในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยมี อันเดรียส คริสเตนเซ่น, เคิร์ต ซูม่า เป็นตัวซับพอร์ต แถมในฤดูกาลนี้ยังจะได้ตัว อีธาน อัมปาดู กลับมาจากการยืมตัวด้วย แม้จะมีตัวเลือกในระบบหลัง 3 อยู่ถึง 6 คน แต่กระนั้น ทูเคิ่ล รู้ดีว่าต้องมีการขยับในตำแหน่งนี้ เมื่ออายุอานามของ ติอาโก้ ซิลวา ปาเข้าไป 36 ปีเศษแล้ว กับแมตช์การแข่งขันที่มากกว่า 50 แมตช์ต่อฤดูกาล ดูจะหนักหนาเกินไป ในขณะที่กัปตันเดฟ อัซปิลิกวยต้า ในวัย 31 แม้จะยังคงเล่นได้ยอดเยี่ยม แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าลูกกลางอากาศและความเร็วคือปัญหา เพราะตำแหน่งที่ถนัดจริง ๆ น่าจะเป็นวิงแบ็กซะมากกว่า ส่วน รูดิเกอร์ เองแม้จะคืนฟอร์มเก่ง เล่นได้แข็งแกร่งดุดันขึ้น แต่ก็มีหลุดบ้างในบางเกมเช่นกัน ตัวสำรองอย่าง คริสเตนเซ่น ถือว่าทำได้ดีเกินคาดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ลงมาแทนที่ ซิลวา ช่วงที่เจ็บยาว ได้เนียนกริบทีเดียว ขาดก็แค่อิทธิพลในการสั่งการคุมเกมในแดนหลังที่ดูจะเป็นข้อด้อย ในรายของ เคิร์ต ซูม่า ดูจะไม่เป็นที่ชื่นชอบนักในยุค ทูเคิ่ล และอาจเป็นคนที่ต้องไป เช่นเดียวกับ อีธาน อัมปาดู ที่อาจจะถูกปล่อยยืมอีกครั้ง

.

ถ้า เชลซี ได้ตัวปราการหลังทีมชาติเยอรมัน “นิคลาส ซูเล่” ของ บาเยิร์น มิวนิค เข้ามา แม้เจ้าตัวจะเคยเปรย ๆ ไว้ว่าอยากเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่า แต่กระนั้นก็ดี การที่ เชลซี มีคนบ้านเดียวกันอยู่หลายคนอาจทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนไป ซึ่งดูแล้ว ซูเล่ น่าจะย้ายทีมแน่ ๆ แต่จะย้ายไปไหนว่ากันอีกที เนื่องจากสัญญาของเขาใกล้หมดลงและเสือใต้ก็พร้อมปล่อยตัวเช่นกัน และถ้าเชลซีได้มา น่าจะช่วยปัญหาเกมรับเรื่องลูกกลางอากาศได้เป็นอย่างดี ด้วยความสูง195 ซ.ม.

.

นอกจาก นิคลาส ซูเล่ แล้วเชลซี ยังมีข่าวเชื่อมโยงกับทั้ง ราฟาเอล วาราน (เรอัล มาดริด), มาร์กินญอส (เปแอสเช) และ โยอาคิม อันเดอร์เซ่น (ลียง) ด้วย แม้ในรายของ วาราน ดูจะเป็นข่าวกับ ยูไนเต็ด อย่างหนาหูก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี เชลซียังมีนักเตะดาวรุ่งอย่าง มาล็อง ซาร์ วัย 22 ปี ที่ย้ายมาจาก นีซ ทีมในลีกฝรั่งเศส อีกคน โดยเมื่อฤดูกาลที่แล้วเชลซีปล่อยให้ ปอร์โต้ ยืมไปใช้งาน

.

ส่วนในตำแหน่งวิงแบ็กทั้ง 2 ข้าง รีซ เจมส์ และ เบน ชิลเวลล์ เล่นได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว น่าจะไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร ซึ่งดูแล้ว มองว่าน่าจะเป็นตัวสอดแทรกอย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ หรือ เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ มากกว่าที่จะต้องมีคนใดคนนึงต้องไป เนื่องจากผู้เล่นวิงแบ็กฝั่งซ้ายอาจจะเยอะเกินไป เพราะนอกจาก ชิลเวลล์, เอแมร์ซอน, อลอนโซ่ แล้วนี่ยังมี บาบา ราห์มาน อีกคนแต่รายหลังคงปล่อยยืมอีกตามเคย ส่วนฝั่งขวาฤดูกาลนี้นอกจาก รีซ เจมส์ จะมี อัซปิลิกวยต้า เล่นแทนในบางเกมแล้ว ยังมี ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า กลับมาช่วยอีกคน ถ้าไม่ปล่อยขายหรือถูกยืมตัวไปซะก่อน ส่วนตัวมองว่าวิงแบ็กทั้งสองข้างคงไม่จำเป็นต้องเสริมใคร น่าจะปล่อยออกซะมากกว่า

.

ตำแหน่งกองกลาง ถือว่าลงตัวทีเดียวกับการมีทั้ง จอร์จินโญ่ – เอ็นโกโล่ ก็องเต้ – มาเตโอ โควาซิซ อยู่ในทีม ไม่ว่าจะเลือก 2 ใน 3 คน หรือเอาลงพร้อมกันทั้งหมด นับว่ากลางของ เชลซี มีความสมดุลมาก ในขณะที่ตัวทำเกมที่มีอย่าง เมสัน เมานท์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีดีแค่ไหน ไม่ใช่ลูกรักอย่างที่เคยถูกล่าวหาอีกต่อไป ส่วน ไค ฮาแวร์ตซ์ เองก็เริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น มีหลาย ๆ เกมที่เขาแสดงศักยภาพออกมาให้เห็น แม้ในบางครั้งจะถูกดันให้ไปเล่นหน้าเป้าบ้างก็ตาม

.

ส่วนคนที่ฟอร์มน่าผิดหวังสุดในยุค ทูเคิ่ล กลายมาเป็น ฮาคิม ซีเย็ค ซะอย่างนั้นทั้งที่ในยุคแลมพาร์ด เขาคือตัวความหวังของทีม คงต้องรอดูว่า โธมัส ทูเคิ่ล จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง จะซื้อใครในตำแหน่งนี้เพิ่มมั้ย เมื่อจะมีทั้ง รอสส์ บาร์คลี่ย์, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ 3 นักเตะอังกฤษที่จะกลับมาจากการยืมตัวด้วยอีก

.

ส่วนในแผงกองหน้า ติโม แวร์เนอร์ กับ คริสเตียน พูลิซิซ จะยังอยู่กับทีมอย่างแน่นอน โดย คริสเตียน พูลิซิซ แม้จะดร็อปไปบ้างในบางเกม แต่โดยรวมแล้วยังมีส่วนร่วมกับเกมของเชลซีเยอะทีเดียว การไปกับบอลได้ดี มีความคล่องตัวสูง หาจังหวะทำประตูเองได้ด้วย น่าจะเป็นหนึ่งในทีเด็ดของทัพสิงห์บลูฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน

.

ติโม แวร์เนอร์ แม้จะน่าผิดหวังในส่วนของการทำประตูด้วยตัวเอง แต่การหาช่อง ทำทางให้เพื่อน และความเร็วของเขา ก็มีส่วนสำคัญกับประตูที่ได้มาหลาย ๆ ลูกของเชลซี และที่ชัดเจนแล้วว่าย้ายออกคือ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส โดยจะย้ายไปร่วมทีมเอซี มิลาน ในขณะที่ 2 นักเตะอังกฤษอย่าง แทมมี่ อบราแฮม และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในข้อเสนอเพื่อดึงตัว เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ ดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้ามาแทน ชิรูด์ ในตำแหน่งหน้าเป้า

.

และถึงแม้ว่าดีลนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง ก็มองว่า แทมมี่ กับ เชลซี น่าจะสิ้นสุดที่ฤดูกาลนี้ เมื่อชัดเจนว่า ทูเคิ่ล ไม่ได้ใช้งาน ส่วน โอดอย อาจยังพอมีโอกาสได้ลงเล่น แต่ถ้ามีข้อเสนอดี ๆ เข้ามา เชื่อว่า เชลซี ก็คงพร้อมขายเช่นกัน นอกจากนี้ เชลซี ยังมี มิชี่ บัตซูอายี่, ชาร์ลี มูซงด้า และ เคนเนดี้ อีกด้วย โดยทั้ง 3 คนถือว่ายังเป็นนักเตะ เชลซี แม้ฤดูกาลก่อน ๆ จะปล่อยตัวให้ทีมอื่นใช้งานก็ตาม

.

ถึงตอนนี้อาจเป็นการสรุปคร่าว ๆ ต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในฤดูกาล 2021-22 ของทัพสิงห์บลู ว่ามีตำแหน่งไหนบ้างที่ควรเสริมทัพ แต่ก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่ม เราค่อยมาวิเคราะห์กันอีกทีเมื่อมีรายชื่อนักเตะทั้งหมดอยู่ในมือแล้ว จะได้ใครมาเสริมทีมบ้าง หรืออาจต้องเสียใครออกไป ทั้งหมดมีผลต่อทิศทางความน่าจะเป็นในการแย่งแชมป์ และกับทีมคู่แข่งแย่งแชมป์ด้วยกันแล้ว ใครจะเสริมทัพได้น่ากลัวกว่ากัน แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วล่ะครับ

.

และกว่าจะถึงวันนั้น ฤดูกาลใหม่ของพลพรรคสิงห์บลูจะเริ่มขึ้นในคืนวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม เป็นการเปิดบ้านต้อนรับ คริสตัล พาเลช ทีมที่มีอดีตนักเตะในตำนานอาร์เซน่อลอย่าง ปาทริค วิเอร่า กุมบังเหียน และยังมีเกมอุ่นเครื่องให้แฟน ๆ ได้ติดตามผลงานกันก่อนทั้ง แมตช์กับ บอร์นมัธ (27 ก.ค), อาร์เซน่อล (1 ส.ค.), สเปอร์ส (4 ส.ค.) และปิดท้ายด้วยเกม ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ กับ บียาร์เรอัล ในวันที่ 11 ส.ค.

.

ซึ่งถ้าหากถ้วยรายการยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ เชลซีคว้ามาครองได้แล้วล่ะก็ แม้อาจจะเป็นเกมที่ไม่ได้ซีเรียสนัก แต่ก็จะนับเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่เท่ไม่น้อยเลยทีเดียว

.

สิฎฐิเศรษฐ์