ยูโร 2020 คู่เร็วสุดของวันเสาร์ ฝรั่งเศส ที่ชนะมาแล้วในเกมแรก บุกเยือนหนึ่งในชาติเจ้าภาพ ฮังการี ที่บูดาเปสต์ ด้วยผู้ชมเต็มความจุสนาม
สำหรับ 11 ตัวจริงของสองฝั่ง มีดังนี้
ฮังการี (3-5-2) : ปีเตอร์ กูลัคซี่ – เอนเดร บ็อทก้า, วิลลี่ ออร์บาน, อัตติล่า ซาไล – โลอิก เนโก้, ลาสซ์โล เคลนเฮสเลอร์, อดัม นากี, อันดราส เชเฟอร์, อัตติล่า ฟิโอล่า – โรลันด์ ซัลไล, อดัม ซาไล
ฝรั่งเศส (4-3-1-2) : อูโก้ โยริส – เบนชาแม็ง ปาวาร์, ราฟาแอล วาราน, เพรสแนล คิมเพมเบ้, ลูก้าส์ ดีญ – เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป๊อกบา, อาเดรียง ราบิโอต์ – อองตวน กรีซมันน์ – คีลิยัน เอ็มบัปเป้, คาริม เบนเซม่า
เริ่มเกมมา 13 นาที แฟนบอลฝรั่งเศสได้ครางฮือรับจังหวะซัดไกลของ คาริม เบนเซม่า ไปติดเซฟ ปีเตอร์ กูลัคซี่ เข้าทาง อองตวน กรีซมันน์ ยิงซ้ำจ่อ ๆ แบบต้องเข้า ก็ยังติดเซฟนายด่านฮังการีอยู่ กระนั้นก็เป็นล้ำหน้าไปเสียแล้ว
สี่นาทีให้หลัง ลูก้าส์ ดีญ ดันเกมขึ้นไปเปิดแม่น ๆ เข้ากลาง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ลอยตัวเข้าโขกเน้น ๆ ส่งลูกหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงนาที 23 เกมต้องหยุดลงชั่วครู่เมื่อกองหน้ากัปตันทีม อดัม ซาไล ล้มเจ็บลงกลางสนาม และหลังจากปฐมพยาบาลชั่วครู่ก็ถูกเปลี่ยนตัวออก ให้ เนมานย่า มิโคลิช ลงไปแทน
นาที 31 ฝรั่งเศส น่าได้อีกครั้ง บอลโยนขึ้นหน้าให้ เอ็มบัปเป้ เคาะให้ เบนเซม่า กระโดดฮาล์ฟวอลเลย์แบบไม่มีตัวจับ ปรากฏยิงเฉือนลูกเฉี่ยวเสาไปเสียอีก
ฝรั่งเศส เดินหน้าลุยไม่ลืมหูลืมตา แต่ปรากฏว่าทดเจ็บครึ่งแรก ฮังารี ขยับนำ 1-0 เสียดื้อ ๆ จังหวะทำชิ่งขึ้นทางซ้าย อัตติล่า ฟิโอล่า กระชากพรวดหนีแบ็กขวา เบนชาแม็ง ปาวาร์ แล้ว ราฟาแอล วาราน ก็เข้าบล็อคทางไม่ทัน โดน ฟิโอล่า ยิงเปรี้ยงยัดเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด 1-0 ของฮังการี ก่อนครึ่งแรกจบลงไปท่ามกลางความเฮฮาของแฟนบอลเจ้าถิ่น
ครึ่งหลังลงต่อกันโดยที่รูปเกม ฝรั่งเศส ยังเหนือกว่า แต่ก็ชักกเจาะไม่เข้า จนนาที 57 เริ่มขยับเปลี่ยนตัว ส่งตัวริมเส้น อุสมัน เดมเบเล่ ลงแทนมิดฟิลด์ อาเดรียง ราบิโอต์ และลงไปปุ๊บก็ได้ส่องปั๊บ ทางขวาเขตโทษ โชคไม่ดี ลูกพุ่งชนเสาอย่างจัง
เกมเดินไปอย่างบีบคั้น แต่แล้วนาที 67 ตราไก่ก็ตามทวงคืนสำเร็จ จังหวะบอมบ์ขึ้นหน้าของ อูโก้ โยริส ไปที่เขตโทษคู่แข่ง เอ็มบัปเป้ เก็บได้แล้วปาดเข้ากลาง บอลแฉลบเข้าทาง อองตวน กรีซมันน์ ซัดโล่งๆ เสียบตาข่าย ตีเจ๊า 1-1
ท้ายเกม 15 นาทีท้าย เดส์ชองส์ ทิ้งไพ่เพิ่มส่ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงแทน เบนเซม่า รวมถึง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ แทน ป๊อกบา โดยนาที 82 ฝรั่งเศส หวิดพลิกนำจังหวะง้างซัดเข้าข้อของ เอ็มบัปเป้ ในจุดอันตราย แต่ก็ยังไม่ผ่านซูเปอร์เซฟ ปีเตอร์ กูลัคซี่
และจนแล้วจนรอด ฝรั่งเศส ก็พังประตูแซงนำไม่สำเร็จ จบเกมจึงเพียงเสมอ 1-1 มีสี่แต้มจากสองนัด ส่วน ฮังการี ได้แต้มแรก