คู่เร็วสุดของ ยูโร 2020 วันเสาร์ที่ 12 มิ.ย. อันเป็นแมตช์เดย์ที่ 2 ของรายการ เวลส์ พบ สวิตเซอร์แลนด์ โดยที่ “มังกรแดง” ซึ่งไม่ใช้งาน ไรอัน กิ๊กส์ กุนซือใหญ่ที่ติดคดีฉาว ให้ โรเบิร์ต เพจ รักษาการคุมตลอดทัวร์นาเมนต์
สำหรับ 11 ตัวจริงของทั้งคู่ ประกอบด้วย
เวลส์ (4-3-3) : แดนนี่ วอร์ด – คริส เมแฟม, โจ โรดอน, เบน เดวิส, คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ – อารอน แรมซี่ย์, โจ อัลเลน, โจ มอร์เรลล์ – แกเร็ธ เบล, แดเนี่ยล เจมส์, คีฟเฟอร์ มัวร์
สวิตเซอร์แลนด์ (3-4-1-2) : ยานน์ ซอมเมอร์ – นิโก้ เอลเวดี้, มานูเอล อาคานจี, ฟาเบียน ชาร์ – เควิน เอ็มบาบู, เรโม่ ฟรอยเลอร์, กรานิต ชาก้า, ริคาร์โด้ โรดริเกซ – เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่, ฮาริส เซเฟโรวิช
เกมช่วงต้นยังไร้รายละเอียด สวิตเซอร์แลนด์ เดินหน้าเข้าใส่แต่ก็สร้างโอกาสอะไรไม่ได้ตลอดสิบกว่านาทีแรก จนนาทีที่ 15 เป็น เวลส์ ที่เกือบได้เฮจากจังหวะขึ้นโขกเน้น ๆ ของ คีฟเฟอร์ มัวร์ บอลจะเสียบใต้คานแต่ ยานน์ ซอมเมอร์ ลอยตัวปัดได้หวุดหวิด
จากนั้นเกมถือว่าคู่คี่สูสี สวิสส์ครองบอลได้มากกว่าเช่นเดิม แต่ก็เหมือนเดิมอีกเช่นกันที่โอกาสลุ้นประตูแทบไม่มีมา จนสิ้นครึ่งแรกลงไปยัง 0-0
ต่อครึ่งหลัง สวิตเซอร์แลนด์ น่าขึ้นนำได้ในนาที 49 จากการกระชากลุยเดี่ยวของ บรีล เอ็มโบโล่ เข้าไปส่องเต็มเท้า แต่ติดซูเปอร์เซฟ แดนนี่ วอร์ด ปัดทิ้งไป อย่างไรก็ตาม จากเตะมุมก็กลายเป็น 1-0 ของทีมนาฬิกาทันที เปิดเข้าหัว บรีล เอ็มโบโล่ โหม่งเด้งพื้นเข้าประตูไป
จากนั้น เวลส์ พยายามดันเกมรุกสู้บ้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันนัก ทว่าเมื่อถึงนาที 74 เวลส์ ก็ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากเตะมุมเช่นกันแต่เล่นสั้นไปให้ โจ มอร์เรลล์ ครอสจากมุมเขตโทษเข้าใน คีฟเฟอร์ มัวร์ โถมเข้าโขกเต็มหัวส่งบอลผ่าน ยานน์ ซอมเมอร์ เข้าเสียบตาข่าย
ท้ายเกมนาที 85 กองเชียร์สวิสส์ได้เฮกันยกใหญ่ เอ็มโบโล่ โขกชงให้หอกสำรอง มาริโอ กาฟราโนวิช ที่เพิ่งลงมาไม่กี่วินาที ตวัดยิงผ่าน วอร์ด เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินเช็ควีเออาร์แล้วยกเป็นจังหวะล้ำหน้า ไม่ได้ประตู
สุดท้ายเกมก็จบที่ผลเสมอ 1-1 โดยนัดหน้า 16 มิ.ย. เวลส์ พบ ตุรกี ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ เจองานหนักกับ อิตาลี