ฟุตบอลยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ
อิตาลี – อังกฤษ
เกมที่สนามเวมบลี่ย์ ซึ่งรัฐบาลอังกฤษอนุญาต ให้แฟนบอลเข้ามาชมเกมเต็มความจุของสนาม โดย อังกฤษ มีการปรับระบบการเล่น มาใช้ปราการหลังตัวกลาง 3 คน ในระบบ 3-5-2 ส่วนเกมรุก ยังใช้งาน แฮร์รี่ เคน กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ส่วน อิตาลี ใช้ชุดเดิม ระบบ 4-3-3 นำโดย คู่เซ็นเตอร์ตัวเก๋า ทั้ง เลโอนาโด้ โบนุชชี่ กับจอร์จิโอ้ คิเอลลินี่
เริ่มเกมมา อังกฤษ คุมเกมได้ดีกว่า และมาออกนำเร็ว 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 2 บอลเลยมาถึง ลุค ชอว์ ที่เสาไกล ฮาล์ฟวอลเลย์ เข้าไป ซึ่งเป็นประตูแรกของ ชอว์ ในนามทีมชาติ และเป็นประตูที่เร็วที่สุดในเกมยูโร นัดชิงชนะเลิศด้วย
หลังจากนั้นตลอดครึ่งแรก อิตาลี พยายามบุกตีเสมอ แต่ยังยิงไม่ได้ จบครึ่งแรก อังกฤษ นำ 1-0
มาครึ่งหลัง อิตาลี มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 นาที 67 จากจังหวะที่กองหลังอังกฤษ สกัดบอลไม่ขาด และเป็น เลโอนาโด้ โบนุชชี่ ยิงจ่อๆเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่ม อังกฤษ เสมอ อิตาลี 1-1 ต้องต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที และยังไม่มีประตูต้องดวลลูกโทษที่จุดโทษ
อิตาลี 1-0 โดมินิโก้ แบร์ราดี้ // เข้า
อังกฤษ 1-1 แฮร์รี่ เคน // เข้า
อิตาลี 1-1 อันเดรีย เบล็อตติ // ไม่เข้า
อังกฤษ 2-1 แฮร์รี่ แม็คไกวร์ // เข้า
อิตาลี 2-2 เลโอนาโด้ โบนุชชี่ // เข้า
อังกฤษ 2-2 มาร์คัส แรชฟอร์ด // ไม่เข้า
อิตาลี 3-2 เฟเดริโก้ แบร์นาเดสคี่ // เข้า
อังกฤษ 2-3 เจดอน ซานโช่ // ไม่เข้า
อิตาลี 3-2 จอร์จินโญ่ // ไม่เข้า
อังกฤษ 2-3 บูคาโญ่ ซาก้า // ไม่เข้า
จบเกม เป็นอิตาลี ชนะ จุดโทษอังกฤษ 3-2 คว้าแชมป์ยูโร สมัยที่ 2 ไปครอง